ลูมิน็อกซ์ นาฬิกาสายลุย

Luminox

เป็นที่รับรู้กันดีในหมู่คนรักนาฬิกาว่า “ลูมิน็อกซ์” () นั้นมีรุ่นไฮไลต์ และทำให้แบรนด์โด่งดังและเป็นที่จดจำจากทั่วโลก นั่นคือรุ่น “Navy SEAL” ที่ถูกผลิตขึ้นหลังจากบริษัทได้รับการติดต่อจากหน่วยรบพิเศษแห่งกองทัพเรือสหรัฐ (US Navy SEALs) เพื่อออกแบบนาฬิกาให้ใช้ในภารกิจต่าง ๆ ซึ่งจำเป็นต้องใช้คุณสมบัติอย่างการเรืองแสงในที่มืด ความทนทาน ฯลฯ โดยถือเป็นหนึ่งในเครื่องแบบของหน่วยอีกด้วย

ฟังก์ชั่นเหล่านี้ล้วนเป็นคุณสมบัติและเอกลักษณ์ของแบรนด์มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นระบบเรืองแสงจากแท่งก๊าซ gaseous tritium light source ที่ให้แสงสว่างได้ด้วยตัวเองนานถึง 25 ปี รวมถึงการเลือกใช้วัสดุอย่างคาร์บอนไฟเบอร์ มาทำเป็นสายนาฬิกา ทำให้มีคุณสมบัติแข็งแรง ทนทาน มีน้ำหนักเบากว่า 25 ปีที่นาฬิการุ่นดังกล่าวได้เปิดตัวออกสู่ตลาด ปีนี้จะเป็นครั้งแรกที่ลูมิน็อกซ์จัดทำคอลเล็กชั่นพิเศษร่วมกับหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ หรือหน่วยซีล (SEAL) ของไทย โดยจะมีทั้งหมดแค่ 999 เรือน วางขายในวันที่ 8 สิงหาคมนี้

“วิภาวรรณ มหาดำรงค์กุล” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีทองพาณิชย์ จำกัด ผู้ได้รับสิทธิ์นำเข้าและจัดจำหน่ายนาฬิกาลูมิน็อกซ์ เปิดเผยถึงความร่วมมือครั้งนี้ว่า หลังจากเหตุการณ์

ภารกิจช่วยเหลือ 13 นักฟุตบอลเยาวชนทีมหมูป่าอะคาเดมี ที่ถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน เชียงราย ซึ่งกลายเป็นข่าวใหญ่ที่ได้รับความสนใจจากทั่วโลก หนึ่งในนั้นก็คือปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่หน่วยซีล จึงเกิดเป็นโปรเจ็กต์ในการทำรุ่นนี้ขึ้นมา เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าว โดยบริษัทได้เข้าไปติดต่อกับหน่วยซีลของไทย เพื่อขออนุญาตผลิต และนำโลโก้ของหน่วยมาใช้

ซึ่งลูมิน็อกซ์รุ่น Thai Navy SEAL จะมีความแตกต่างจากรุ่น Navy SEAL ปกติก็คือ ภายในหน้าปัดจะมีโลโก้ของหน่วยซีลไทย ซึ่งเป็นรูปฉลาม คลื่น สมอเรือ และธงชาติ พร้อมกับคำขวัญ “No Space for the Weak” ไม่มีที่ว่างสำหรับคนอ่อนแอ สามารถย่อได้เป็นคำว่า NSW และยังหมายถึง Naval Special Warfare Command หรือหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือด้วย

ส่วนฟังก์ชั่นอื่น ๆ ได้แก่ ตัวเรือนที่ทำจาก carbonox มีน้ำหนักเบากว่าเหล็ก 6 เท่า แต่แข็งแรงทนทาน สามารถกันน้ำได้ลึก 200 เมตร รวมถึงเทคโนโลยีเฉพาะที่สามารถเรืองแสงด้วยตัวเองในที่มืดได้นานถึง 25 ปี มีหน้าปัดขนาด 45 มิลลิเมตร และตัวสายที่ทำมาจากยางผสมซิลิโคน

“เราต้องการส่งเสริมและกระตุ้นให้ประชาชนในทุกภาคส่วนหันมาสนใจ และให้ความสำคัญกับการอุทิศตนของเจ้าหน้าที่หน่วยซีลในภารกิจต่าง ๆ รวมถึงได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ โดยผลิตเป็นลิมิเต็ดเอดิชั่นเพียง 999 เรือน ราคาเรือนละ 19,500 บาท ทั้งนี้ รายได้ส่วนหนึ่งมอบให้กับมูลนิธินักทำลายใต้น้ำจู่โจม เพื่อใช้ประโยชน์ต่อไป”

ขณะนี้ได้ประชาสัมพันธ์ผ่านดีลเลอร์ 250 ร้านค้า ช่องทางดีพาร์ตเมนต์สโตร์ ช่องทางออนไลน์ของบริษัท รวมถึงการเปิดรับจอง โดยยอดการจองขณะนี้อยู่ที่ 600 กว่าเรือนแล้ว คาดว่ารุ่นนี้จะได้รับความสนใจจากนักสะสม ตลอดจนแฟนคลับของแบรนด์อย่างคึกคัก

กรรมการผู้จัดการศรีทองพาณิชย์ ชี้ว่า ฐานลูกค้าของลูมิน็อกซ์ขณะนี้มีอยู่ประมาณ 2 หมื่นราย ส่วนใหญ่ 99% เป็นผู้ชาย และเกือบครึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มข้าราชการ เช่น ทหาร และตำรวจ

และนอกจากลูกค้าปลีกทั่วไป (B2C) ยังมีการรับผลิตให้กับผู้ที่สนใจ ในลักษณะลูกค้าองค์กร หรือหน่วยงาน (B2B) เช่น ออร์เดอร์จากกองทัพอากาศ นายร้อยตำรวจ เป็นต้น เนื่องจากกำลังผลิตในสวิตเซอร์แลนด์ ค่อนข้างยืดหยุ่น เพียง 100 เรือน ก็เป็นขั้นต่ำที่สามารถผลิตได้แล้ว

สะท้อนถึงแบรนดิ้งของลูมิน็อกซ์ที่มีความชัดเจน ในการเป็นนาฬิกาที่หน่วยงานรัฐในหลาย ๆ ประเทศให้ความไว้วางใจ เพราะนอกจากหน่วยซีลที่อเมริกาแล้ว แบรนด์ยังผลิตให้กับกองทัพอากาศสหรัฐ หน่วย SWAT (Special Weapon and Tactics) ฯลฯ ด้วย

ทำให้พาร์ตของการสื่อสารและการทำตลาดนั้น เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเข้าใจว่าฐานลูกค้าคือใคร ชื่นชอบอะไร จนภายในระยะเวลา 3 ปี หลังจากที่ศรีทองพาณิชย์เป็นตัวแทนจำหน่ายของลูมิน็อกซ์ ก็สามารถทำยอดขายให้เติบโตปีละกว่า 10% และขึ้นเป็นท็อป 3 ของประเทศที่มียอดขายสูงสุดในเอเชีย รองจากญี่ปุ่นและเกาหลี

“ฐานลูกค้าของเรามีแฟนคลับที่เหนียวแน่น และเทรนด์ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่าน ๆ มาคือเราเห็นว่าคนไทยให้การตอบรับกับลิมิเต็ดเอดิชั่นดีมาก ชื่นชอบความแปลกใหม่และชอบสะสม ทำให้ลูมิน็อกซ์จะมีรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นมาช่วยไดรฟ์ตลาด 1-2 เอสเคยู จากทั้งหมด 30 เอสเคยูต่อปี การตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องทำให้เราตั้งเป้าที่จะมียอดขายเป็นอันดับ 1 ในเอเชียภายใน 5 ปี”