Audemars Piguet เปิดตัวนาฬิการุ่นพิเศษ

Audemars Piguet รังสรรค์เรือนเวลาสุดพิเศษอย่าง รอยัล โอ๊ค เพอร์เพทชวล คาเลนดาร์ ไทยแลนด์ ลิมิเต็ด อิดิชั่น (Royal Oak Perpetual Calendar Thailand Limited Edition) เพื่อตอบรับกระแสความต้องการของเหล่านักสะสมและสะท้อนถึงความสำคัญของตลาดไทย โดยผลิตในจำนวนเพียง 20 เรือน เท่านั้น

Royal Oak Perpetual Calendar Thailand Limited Edition

ดีไซน์ที่ได้แรงบันดาลใจจากสีของธงไตรรงค์ สื่อถึงความเป็นไทยและความภาคภูมิใจของคนในชาติ สะกดทุกสายตาด้วยลวดลายกรองด์ ตาปิสเซอรี่ (Grande Tapisserie) บนดีไซน์พื้นหน้าปัดสีแดง มาพร้อมส่วนแสดงสัปดาห์บนขอบตัวเรือนด้านในสีเดียวกัน ร่วมด้วยวงหน้าปัดย่อยสีน้ำเงินและสีขาว ทำหน้าที่แสดงวัน, วันที่ และเดือน พร้อมไฮไลท์สำคัญอย่างส่วนแสดงข้างขึ้น–ข้างแรม และส่วนแสดงเดือนพร้อมปีอธิกสุรทิน ณ ตำแหน่ง 6 และ 12 นาฬิกา ตามลำดับ บนตัวเรือนไวท์โกลด์ 18 กะรัต ขนาด 41 มิลลิเมตร ฝาหลังแกะสลัก คำว่า “Quantieme Perpetuel” และ “Limited Edition of 20 Pieces” ขับเคลื่อนการทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติ คาลิเบอร์ 5134 สำรองพลังงานนาน 40 ชั่วโมง และกันน้ำลึกได้ 20 เมตร ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ด้วยสายยางสีแดงและ สีน้ำเงินให้คุณเลือกเปลี่ยนได้ตามความชอบ สนนราคา 3,622,700 บาท

ความสัมพันธ์ระหว่างโอเดอมาร์ ปิเกต์และประเทศไทยเรียกได้ว่าเริ่มต้นมาอย่างยาวนาน ย้อนกลับไปในปี 1950 เมื่อนาฬิกาข้อมือที่มาพร้อมฟังก์ชั่นเพอร์เพทชวล คาเลนดาร์ ซีรีย์แรกอย่างโมเดล 5516 ซึ่งผลิตเพียง 12 เรือน ถูกจำหน่ายให้กับลูกค้าชาวไทย และได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของตำนานตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

Royal Oak Perpetual Calendar Thailand Limited Edition

ปี 2008 โอเดอมาร์ ปิเกต์ รังสรรค์ รอยัล โอ๊ค ลิมิเต็ด อิดิชั่น เรือนแรกสำหรับประเทศไทยขึ้น รอยัล โอ๊ค คิง ออฟ ไทยแลนด์ 80 แอนนิเวอร์ซารี (Royal Oak King of Thailand 80th Anniversary) เรือนเวลาเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา รังสรรค์บนตัวเรือนสเตนเลส สตีลและพิ้งค์โกลด์ ผลิตเพียง 50 เรือน

ถัดมาคือ รอยัล โอ๊ค ออฟชอร์ ไพรด์ ออฟ สยาม (Royal Oak Offshore Pride of Siam) ในปี 2013 อีกเรือนเวลาที่สะท้อนถึงเกียรติภูมิของประเทศไทย โดดเด่นที่ฝาหลังสเตนเลส สตีลสลักรูปช้างเผือก สัตว์ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง สื่อความหมายพิเศษถึงความเป็นมงคลและความงดงามที่หาได้ยาก โดยได้แรงบันดาลใจจากธงช้างเผือกทรงเครื่องยืนแท่นบนพื้นแดง ซึ่งเคยเป็นธงราชการของประเทศไทยในอดีต ผลิตเพียง 100 เรือน

และในปี 2018 ที่ผ่านมา โอเดอมาร์ ปิเกต์ ได้ส่งตรงเรือนเวลาที่เปี่ยมด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์กว่า 50 เรือน มาจัดแสดงที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเป็นทางการ ผ่านนิทรรศการ “From Le Brassus to Bangkok” ทั้งยังให้เกียรติศิลปินร่วมสมัยเชื้อสายไทยคนแรกมาร่วมครีเอทภาพนิ่งและวิดีโอ อินสตอลเลชั่นเพื่อถ่ายทอด อัตลักษณ์ของแบรนด์สู่สายตาชาวไทย ซึ่งได้รับการตอบรับจากสื่อและแฟนๆของแบรนด์เป็นอย่างดี